วันอังคารที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๑

[Finale] ประกาศปิดบล็อก !

ประกาศจากคณะผู้จัดทำบล็อกยอแฮงกิ .....วึ่งก็มีอยู่คนเดียว(แป่วว)
ผู้จัดทำขอประกาศปิดบล็อก yeohaenggi.blogspot.com อย่างเป็นทางการนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
เหตุผลที่ทำการปิดบล็อกนั้นมีเนื่องมาจาก...

1.) ตัวเจ้าของบล็อกนั้นไม่มีเวลาว่างมาอัพบล็อก ถึงมีก็ไม่รู้จักมาอัพ !!
2.) ตัวเจ้าของบล็อกคิดว่าเนื้อหาที่เอามาลงในบล็อกโดยร่วมนั้น มั่วนิ่มสิ้นดี กระโดดจากเรื่องหนึ่ง ไปอีกเรื่องหนึ่งที่แทบจะไม่เกี่ยวกันเลย ไร้ซึ่งความมีระเบียบอย่างแรงสูง~

และที่สำคัญที่าสุด...

3.) ผู้จัดทำบล็อกจะไปเปิดบล็อกใหม่ ณ บล็อกเกอร์เหมือนเดิมจ้ะ ฮ่าๆๆ (มันยังไม่เข็ด)
เพิ่งสร้างสดๆร้อนๆ ยังไม่ได้ลงบทความหรือตกแต่งประการใด
และนี่คือ url ของมัน :

http://kapajao.blogspot.com
ข้าพเจ้า ดอท บล็อกสป็อต ดอท คอม

ใครที่ว่างพอ หรือไม่มีอะไรทำอีกต่อไปแวะไปได้เป็นครั้งคราว ณ บล็อกที่มีแต่เรื่องราวของข้าพเจ้า ข้าพเจ้า...และข้าพเจ้า สมดังชื่อบล็อก ที่สำคัญ.... ดองไม่แพ้บล็อกอื่นๆที่ผู้จัดทำเคยไปทำไปทั่ว ฮ่าๆๆๆ

อนึ่ง ทั้งนี้ ผู็จัดทำบล็อกยังคงดำเนินการอัพ(และดอง)บล็อก ryokukun.exteen.com อันเป็นบล็อกดั้งเดิมของผู้เขียนตามปกติควบคู่ไปกับการอัพ(และดอง)บล็อก kapajao.blogspot.com


จึงเรียนมาเพื่อทราบ
ลงชื่อ
มัจฉานุ
หมายเลข 14 ประจำการ ณ ห้อง 945 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา (จนกว่าจะเปิดเทอมใหม่ ฮ่าๆๆ)
26 กุมภาพันธ์ 2551

วันอาทิตย์ที่ ๒๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๑

[05] เรียนภาษาอังกฤษแบบ snake snake มัจฉานุ มัจฉานุ


ต๊ะเอ๋~

สวสัดีเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ป้าๆ และอาจารย์(ถ้าอาจารย์กำลังอ่านอยู่อ่ะนะคะ = =)
อาจารย์บอกว่าต้องอัพที่นี่อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 เอ็นทรี่
อันตัวข้าพเจ้าที่กำลังว่างจัด(มีการบ้านแต่ก็ไม่รู้จักทำ) เพิ่งผ่านศึกหนักวันที่ 26 มา (555+ ลองเข้าไปดูบล็อคที่ exteen เดะ ไอ้นั่นแหละ ทำเรานั่งหน้าจอคอมตั้งแต่เที่ยงยันทุ่ม !)
ก็เลยต้องมาอัพบล็อค ไม่สามารถดองเหมือนตอนที่เขียนอยู่ exteen ได้ 555+

ก่อนที่เราจะเข้าเรื่องวันนี้ ขอบ่นๆเปิดก่อนแล้วกัน

บ่น [01]
เพื่อนคนไหนที่อยากจะเผยแพร่ โฆษณาบล็อค อยากให้มีคนเข้าไปอ่าน ถ้าเห็นเจ้าของบล็อคออน เอ็มมาบอกได้นะคะ เดี๋ยวจะไปเยี่ยม ^^
บล็อกเกอร์ก็ไม่เลวอ่ะนะ แต่...แต่...แต่... ที่นี่เขาน่าจะมีระบบแอ๊ดบล็อคของคนอื่นเป็น favorite แล้วก็ระบบเตือนว่าวันนี้หมู่ผองเพื่อนที่เราไปแอ๊ดเขาไว้คนไหนอัพบล็อคแล้วบ้าง
(ไม่ใช่อะไรหรอก จริงๆเจ้าของบล็อคชอบแอบชะแว้บไปดูบล็อคเพื่อนบ่อยๆ เพราะไม่รู้ว่าใครอัพมั่งไม่อัพมั่ง บางคนอัพก็เจอเอ็นทรี่ใหม่ๆของเขาไป บางคนอยากให้เขาอัพก็ยังไม่อัพ ไปเจอแต่เอ็นทรี่เดิม เลยแอบเซ็ง แล้วก็แอบขี้เกียจเช็คเรียงคนว่าใครอัพแล้วบ้าง)
ที่ exteen เขามีระบบนี้ เพราะฉะนั้น บล็อกเกอร์ก็น่าจะมีบ้าง (ไม่ค่อยจะลำเอียงเล้ย 555+) ..หรือว่าที่นี่เขามีแต่เจ้าของบล็อคไม่รู้ ?

บ่น [02]
ผ่านไปประมาณสัปดาห์กว่าๆที่เพื่อนๆเริ่มสร้างบล็อคกัน เห็นว่าช่วงนี้กำลังคึกคักกันมาก 555+ (โดยเฉพาะป้าสมศรี นิว กุ๊ก เค กลุ่มนี้รู้กสึกอัพประจำ 55+)
คิดไปคิดมาก็ดีนะ มันเป็นที่ๆเราจะไปมาหาสู่ดูความคิด บันทึกของคนอื่น โต้ตอบกันได้ (จะมีประโยชน์มากเวลาที่เราแบบว่าไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้ว อะไรทำนองนี้ ก็ติดต่อได้อีกทาง รู้ข่าวคราวความเป็นไปของกันใช่ป่ะล่ะ ?)
ดีเหมือนกัน ^^ บางที หลังจากส่งบล็อคอ.พีระไปกันจนหมดแล้ว ทุกคนอาจจะอัพบล็อคกันต่อก็ได้ มันจะได้ไม่ร้างไง 555+ (นี่แหละหนา เสน่ห์ของการเขียนบล็อค หึๆ) หวังว่าจะอัพไปเรื่อยๆแล้วกัน เจ้าของบล็อคชอบอ่านจ้ะ

บ่น [03] เดี๋ยวเอาไปไว้ท้ายเอ็นทรี่ 555+

-------------------------------------------------------

เอาล่ะ มาเข้าเรื่องที่จั่วไว้หัวเอ็นทรี่กันเลยดีกว่า อย่าพล่ามให้มากความ

บอกตามตรงตอนนี้ดจ้าของบล็อคอยู่ในสภาวะสมองตัน
มีเรื่องอยากจะอัพเต็มไปหมด แต่สำหรับที่บล็อกเกอร์นี้ ไม่รู้จะเอาเรื่องอะไรลงดี 555+ (แต่ที่ exteen อัพไปเรียบร้อยแล้วอีกหนึ่งเอ็นทรี่ ไม่ลำเอียงเลยจริงๆ)
ก็เลยขอลงเรื่องนี้แล้วกัน

'เรียนภาษาอังกฤษแบบ Snake Snake มัจฉานุ มัจฉานุ'


โดยส่วนตัวแล้ว เจ้าของบล็อคไม่ได้เชี่ยวชาญและช่ำชอง(ภาษาอังกฤษ)มากขนาดนั้น - -
....เอ่อ แล้วยังจะมาชี้แนะคนอื่นเนี่ยนะ !?
พอดีว่าไม่มีอะไรจะอัพแล้วค่ะ = = แล้วทุกอย่างที่เจ้าของบล็อคจะแนะนำเอ็นทรี่นี้เป็นประสบการณ์ที่เจ้าของบล็อคได้เห็น+สังเกตมาจากคนรอบข้าง(รวมตัวเองนิดนึง)
แล้วรู้สึกว่ามันน่าจะช่วยเพื่อนๆได้ (สำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องการเรียนภาษาน่ะนะ)

ท่านกำลังมีปัญหากับการเรียนภาษาใช่หรือไม่ !!??
ท่านเบื่อที่จะต้องเรียนภาษาอังกฤษอยู่ร่ำไป แต่ไม่มีอะไรหลุดเล็ดผ่านรูหูเข้ามาสู่สมองของท่าน ใช่หรือไม่ !!??
ท่านเซ็งเวลาที่ Word Building มีในข้อสอบกลางภาค/ปลายภาค ใช่หรือไม่ !!??

ปฎิบัติตามแนวทางเหล่านี้ แล้วปัญหาทั้งหลายก็จะหมดไป !! (หรือไม่อย่างน้อยก็ลดลงบ้างล่ะนะ = =)
อันที่จริง วิธีต่อไปนี้สามารถประยุกต์ใช้ได้กับการเรียนภาษาทุกภาษาเลยนะจ๊ะ ไม่ใช่แค่อังกฤษอย่างเดียว
ไปดูเลยละกัน

วิธีที่ 1 ฟังเพลง !!


ฟังเพลงเพราะๆ สบายหูกว่ามานั่งฟังอาจารย์สอนจริงไหมจ๊ะ ? แล้วเพื่อนๆรู้รึเปล่าว่า การฟังเพลงมันช่วยเพิ่มความรู้ทางด้านภาษา ด้วยน้า
แต่การฟังเพลงที่จะพูดถึงนี้ เราจะไม่เน้นมันส์ หรือฟังแค่ผ่านๆ
เชื่อว่าเพื่อนๆทุกคนคงจะมีเพลงที่ชอบอยู่แล้วใช่ม้า (อยู่แล้ว = =)
เวลาที่เพื่อนๆฟังเพลงอะไรแล้วชอบมาก เพื่อนๆนึกถึงอะไรบ้าง ?

'เสียงนักร้องเพราะจัง' 'จังหวะมันส์โคตร' 'เอ็มวีอย่างสวยเลย'
'นักร้องสวย/หล่อกระชากโลหิตว่ะ' <<< เอ่อ อันนี้นอกประเด็นไปไหมจ๊ะ

อีกสิ่งหนึ่งที่เจ้าของบล็อคอยากให้เพื่อนๆนึกถึงเวลาฟังเพลงก็คือ

'เฮ้ย นักร้องมันร้องอะไรหว่า ? เพลงนี้มันมีความหมายยังไงอ่ะ ?'

นี่แหละค่ะ ตัวสำคัญที่จะช่วยให้ความรู้ภาษาเราเพิ่มขึ้น
เวลาที่เพื่อนๆฟังเพลงฝรั่ง(จีน เกาหลี ญี่ปุ่น บลาๆ) แล้วเกิดติดใจขึ้นมา
ลองไปค้นหาเนื้อร้อง พร้อมคำแปลของเพลงด้วยนะคะ
แค่นี้ก็จะได้ฟังเพลงอย่างมีความสุข และมีสาระมากขึ้น แถมได้ความรู้ภาษาเพิ่มขึ้นด้วย เจ๋งไปเลยใช้ไหมล่ะ ?

วิธีที่แนะนำอย่างแรง
ขั้นตอน
1. ค้นเนื้อเพลงของเพลงนั้นตามกูเกิ้ล ตามอะไรก็ว่าไป (ควรจะค้นเจอเนื้อเพลงในภาษาเดิมของเขา แล้วก็คำแปในภาษาไทยของเรา)
2. ระหว่างอ่านอาจจะเปิดเพลงนั้นฟังไปด้วย ค่อยๆอ่านตาม ได้อารมณ์น้า 555+
**3. เพื่อเพิ่มความบ้าพลัง อาจจะค้นเจอเนื้อร้องภาษาเดิมของเขา ตามด้วยคำแปลเป็นภาษาอังกฤษ แล้วก็มานั่งแปลต่อเองด้วยการเปิดดิกท์ 555+
(ขั้นตอนที่สามเนี่ย แรกๆอาจจะลำบากนิดนึงสำหรับคนที่ไม่ชอบภาษาอังกฤษเน่อ แต่ทำไปเรื่อยๆจะชินเอง แล้วก็จะพบว่าตัวเองบ้าพลังขึ้นด้วย 555+)

ประโยชน์ที่ได้จากวิธีนี้ี้
- ได้ฟังเพลงเพราะๆ
- ยิ่งได้รู้ความหมายของเพลงแล้ว ถ้าความหมายของเพลงประทับใจเรามาก เราก็จะยิ่งชอบเพลงนี้และมีความสุขในการฟังเพลงนี้มากขึ้นค่ะ
- ได้เห็นรูปประโยคของภาษาต่างประเทศเพิ่มขึ้น เพราะปกติประโยคที่เราๆเรียนกันในโรงเรียนส่วนใหญ่มันจะเน้นเป็นทางการ บางทีเอาไปพูดกับฝรั่ง เขาอาจจะมองเราด้วยสายตาแปลกๆแล้วคิดว่า 'ไอ้ไทยแลนด์นี่หลุดมาจากโลกไหนวะ พูดเป็นทางการ ศัพท์สูงโคตร'
ในเนื้อเพลงเขาก็ต้องใช้ประโยคง่ายๆ และนิยมใช้ในสังคมอยู่แล้วล่ะค่ะ
- ฐานความรู้ทางด้านคำศัพท์เราจะเพิ่มขึ้นด้วยค่ะ

ิธีที่ 2 ศึกษา/ค้นคว้า/แสวงหาข้อมูลของเรื่องที่ชอบ....เป็นภาษาอังกฤษ !!(หรือภาษาอื่นที่ท่านอยากเรียน)

วิธีนี้ค่อนข้างได้ผล และทำให้เรามีความรู้ภาษาขึ้นได้อย่างไม่รู้ตัวเลยน้า
เวลาที่เราสนใจเรื่องอะไร อย่างเช่น การ์ตูน อย่างเนี้ย เป็นธรรมดาที่เราจะชอบไปค้นคว้าเพิ่มเกี่ยวกับมัน (ค้นแบบลึกกว่าเรียนหนังสืออีก 55+)
ด้วยการไปสิงบอร์ดการ์ตูนเรื่องนั้น บลาๆ

แต่คนบ้าพลังอย่างเราๆ จะไม่ศึกษาเรื่องที่ชอบๆของเราอย่างธรรมดาแน่นอนค่ะ !

ยกตัวอย่าง สมมติว่าเจ้าของบล็อคชอบฟังเพลงญี่ปุ่น/เกาหลีมาก และก็อยากรู้ข่าวสาร ความคืบหน้าในวงการเพลงญี่ปุ่น/เกาหลีมาก
เจ้าของบล็อคก็จะไปตามหาข่าวนั้นๆ.....ในเว็บที่เป็นภาษาอังกฤษ !! สำหรับคอการ์ตูน อาจจะลองอ่านสปอย์เลอร์ภาษาอังกฤษดูก็ได้ ออกเร็ว+ได้ศัพท์ด้วย
ตอนนี้เจ้าของบล็อคก็ใช้วิธีนี้อยู่ค่ะ แล้วมัน...อืม...ได้ผลขึ้นจริงๆน้า

ประโยชน์ที่ได้จากวิธีนี้ี้ี้ี้
- ได้ศึกษาเรื่องที่เราชอบอย่างละเอียดลึกซึ้งมากขึ้น 555+
- ได้ศัพท์อังกฤษ+รูปแบบประโยคใหม่ๆ ที่บางครั้งเวลาอ่านชาวบอร์ดในต่างประเทศเขาคุยกัน เจ้าของบล็อคถึงกับคิดว่า 'เออว่ะ ใช้คำแบบนี้ก็ได้นี่หว่า'
- ได้เพื่อนต่างชาติ (555+ อันนี้สำหรับคนชอบสังสรรค์นะคะ เจ้าของบล็อคไม่เน้นเท่าไหร่หรอกข้อนี้ แต่ก็ แล้วแต่ศรัทธาค่ะ)

- **อีกวิธีที่เข้าข่ายเดียวกันกับวิธีที่สองนี้ คือ การอ่านบทความภาษาต่างประเทศทั้งหลายแหล่ค่ะ (บ้าพลังพอกัน) อันนี้เวลาอ่าน อาจต้องพกดิกท์ไว้ใกล้ๆตัว เอะใจคำไหนไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจ อย่ารอช้า เปิดดิกท์ซะเถอะท่าน ! แล้วจะได้ถึงบางอ้อ **แนะนำเว็บรวมบทความ WIKIPEDIA น่อ อันที่จริง ทุกคนก็เข้ากันบ่อยอยู่แล้วเวลาทำรายงาน แต่แนะนำให้เข้าวิกิอังกฤษ(http://en.wikipedia.org) นะ ไม่ใช่วิกิไทย(http://th.wikipedia.org) เพื่อความบ้าพลังของเรา 5555+

วิธีที่ 3 ดูหนังแบบเสียงในฟิล์ม !!

(เอ่... ใครหว่า คุ้นๆ 55+ Picture Credits goes to Ichigo @ Soompi)

อันนี้ขอบอกตามตรงว่า 'โคตรได้ผล' พิสูจน์แล้วจากน้องสาวที่รักของเจ้าของบล็อคเอง
น้องสาวของเจ้าของบล็อคคนนี้เธออายุไม่มากเท่าไหร่หรอก(อายุน้อยกว่าเจ้าของบล็อคซัก 10 ปีได้ - -) แต่น่าแปลก เธอพูดภาษาอังกฤษได้ดีกว่านักเรียนที่มีการศึกษาสูงกว่าเธอเองหลายๆคน (อาจรวมถึงเจ้าของบล็อค 555+)
และบางที ผู้พิสูจน์อีกคน ก็คงจะเป็นท่านเบน ศราแห่ง 945 นี่เอง ได้ข่าวว่าชอบดูหนัง ^^ คงจะชอบดูเสียงในฟิล์มด้วยแน่ๆเลย(ขอลองเดา) แล้วเขาก็เก่งอังกฤษอยู่แล้ว 555+

เอาเป็นว่า สามารถปฏิบัติได้ดังนี้ค่ะ
- ชอบหนังเรื่องไหน ซื้อวีซีดีแบบซับไตเติ้ลไทยมาดู หรือ ไปดูหนังโรงแบบซับไทย (อันที่จริง เห็นที่กทม.ก็มีเยอะอยู่แล้ว ไม่น่าจะมีปัญหา)
- สำหรับคนที่เพิ่งหัดดูหนังเสียงในฟิล์มใหม่ๆ อนุโลมให้อ่านซับมากๆได้ แต่ใครที่เริ่มเชี่ยวขึ้นมาในระดับหนึ่งแล้ว ขอสั่ง.....อย่ามัวแต่อ่านซับ ! นอกจากจะทำให้ไม่รู้เรื่องว่าเรื่องในหนังมันไปกันถึงไหนแล้ว ท่านก็จะไม่ได้ความรู้ทางภาษาเพิ่ม เพราะมัวแต่อ่านซับไทย !
- เวลาอ่านซับ ให้ฟังคำพูดของตัวละครนั้นๆด้วย พอจับประโยคที่เขาพูดได้แล้วอ่านซับแล้ว ก็เอามาคิดเทียบๆกันแล้วก็จะ .. 'อ๋อ ! ที่แท้ ไอ้ประโยค/คำนี้ ก็แปลว่าอย่างนี้นี่เอง'
- ดูหนังเสียงในฟิล์มบ่อยๆ อันนี้แหงอยู่แล้ว ฝึกดูบ่อยๆ อ่านซับ ตีความบ่อยๆ ก็จะเริ่มชินเอง
- เมื่อท่านมีความมั่นใจในระดับหนึ่ง(แะความบ้าพลังในระดับหนึ่ง)แล้ว ลองดูหนังเสียงในฟิล์มแบบไม่มีซับบ้าง !! ดูเอามันส์+เอาประโยค/คำพูด/คำศัพท์เขาโดยปราศจากการช่วยเหลือของซับ แล้วตีความเอาเองบ้าง

แนะนำ สำหรับใครที่มียูบีซี หรือเคเบิ้ล เปิดไปดู HBO, Nickelodeon, Cartoon Network, Discovery Channel, Disney Channel อะไรเทือกๆนี้ให้บ่อยๆน้า ดีมากๆ
แล้วก็ อย่าลืมปรับจากภาษาไทยไปเป็นภาษาอังกฤษก่อนล่ะ ! = =

ประโยชน์ที่ได้รับจากวิธีนี้ี้ี้
- ได้รับความบันเทิง+วาระเหมือนสองวิธีข้างต้นเลย 555+

ต่อไปจะเป็นวิิธีเบ็ดเตล็ดแบบอื่นๆที่สามารถช่วยเรื่องภาษาได้
- ว่างๆไม่มีอะไรทำ นั่งเปิดพจนานุกรมอ่านเล่นได้ (555+ ถ้าว่างมากในระดับนั้นน่ะนะ) เพราะบางครั้ง เราจะเจอคำศัพท์แปลกๆที่ไม่เคยเห็นมาก่อน แล้วจะได้รู้ความหมายมันด้วย
(แนะนำสำหรับคนบ้าพลัง - เราจะไม่เปิดดิกท์ไทย-อังกฤษ แต่จะเปิดอังกฤษ-อังกฤษ ! 555+ อันที่จริงวิธีนี้อาจมีปัญหาอยู่บ้าง เวลาเปิดไปเจอศัพท์แล้วอ่านความหมายมันก็ยังไม่รู้เรื่อง แนะนำให้เปิดหาความหมายของความหมายต่อเป็นทอดๆจนกว่าจะเข้าใจ 555+ ยกตัวอย่าง หาคำว่า ant แล้วคำอธิบายความหมายมีคำที่เราไม่เข้าใจคือคำว่า athropoda เราก็เปิดต่อว่า athropoda หมายความว่าอะไร แล้วถ้าเจอศัพท์ยากในความหมายของมัน เราก็หาต่อๆไป 555+ เหนื่อย แต่ได้ความรู้นะ กร๊ากกก)
- บ้าพลัง อ่านนิยายอังกฤษ !! แนะนำให้อ่านจากเล่มบางๆก่อน จนเมื่อแกร่งกล้าวิชาแข็งแล้ว จึงเลื่อนยศไปอ่านเล่มหนาขึ้นๆ จนถึงระดับดาวินชี่โค้ดภาคภาษาอังกฤษ 555+ (ซึ่งเจ้าของบล็อคก็ยังไม่เคยอ่าน 555+)
- แต่งนิยายภาษาอังกฤษ !! อันนี้แนะนำสำหรับคนที่บ้าพลังมากถึงมากที่สุด เพราะมันค่อนข้างจะยาก(มากก) เวลาจะเขียน ควรจะอ่านหนังสือภาษาอังกฤษมากๆ ดูรูปแบบแกรมม่า+การใช้ประโยคที่น่าสนใจให้มากๆ แล้วนำมาประยุกต์ใช้บ้าง จะดีมากถ้าเขียนแล้วลองให้ผู้เชี่ยวชาญทางด้านภาษาอังกฤษลองอ่านเพื่อตรวจทานและให้คำแนะนำต่อๆไป


และนี่ก็เป็นวิธีการเรียนภาษาที่ได้ผล+ไม่เครียดเท่าที่เจ้าของบล็อคคิดออกค่ะ
ใครมีวิธีที่น่าสนใจก็บอกต่อๆกันบ้างนะคะ เผื่อจะนำไปปฏิบัติ
และใครที่ใจดี ช่วยทำแนวทางการเรียนคิณิต เคมี ฟิสิกส์ ที่ได้ผลด้วยนะคะ เจ้าของบล็อคไม่สันทัด และกำลังจะตกอยู่รอมร่อเลยล่ะค่า T__T
หวังว่าเพื่อนๆที่มีความต้องการอยากจะเรียนภาษาให้เก่งขึ้นจะนำไปใช้แล้วได้ผลนะคะ (หวังอย่างแรงเลยนะเนี่ย)

แล้วก็ สำหรับชาวเน็ตแรงๆ หรือผู้ที่ชอบท่องเน็ตเป็นนิจแล้ว แนะนำเว็บพวกนี้ช่วยในการเรียนภาษาอังกฤษตามวิธีข้างบนนี้เลยค่ะ
- http://en.wikipedia.org --- เว็บสารพัดประโยชน์ มีแทบทุกเรื่องตั้งแต่อนิเมยันประวัติศาสตร์โลก
- http://en.wiktionary.org --- เว็บในเครือวิกิพีเดีย เป็นพจนานุกรม อังกฤษ-อังกฤษออนไลน์ ค้นได้ทั้งคำศัพท์ และสำนวน idiom ต่างๆที่ใช้ในภาษาอังกฤษค่ะ ดีมากก (อันที่จริงมีภาษาอื่นด้วย แต่เน้นอังกฤษจะมีเยอะสุดแล้วค่ะ)
- http://lexitron.nectec.or.th --- สำหรับผู้ไม่มีดิกท์ไทย-อังกฤษติดตัว เว็บนี้ดีพอสมควรค่ะ มีคำศัพท์เยอะพอสมควร แต่พักหลังๆเข้าไม่ค่อยได้ ไม่ทราบว่าล่มหรืออย่างไร ยังไงก็ลองเข้าไปได้ค่ะ
- http://www.animelyrics.com --- สำหรับคนที่ชื่นชอบเพลงอนิเม หรือเจป๊อบทั่วๆไป สามารถค้นเนื้อเพลงแบบคันจิ(เนื้อร้องเขียนเป็นตัอักษรญี่ปุ่น) โรมาจิ(เนื้อร้องญี่ปุ่นแต่เขียนเป็นอังกฤษ ให้อารมณ์ประมาณว่าภาษาคาราโอเกะค่ะ) และคำแปลเป็นภาษาอังกฤษค่ะ

เอาล่ะ หวังว่าเอ็นทรี่อันยาวเหยียดนี้จะมีประโยชน์ให้ทุกคนได้เรียนรู้ภาษาต่างประเทศอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
แต่อย่างไรก็ตาม อย่าลืมที่จะใส่ใจ ศึกษา และดูแลภาษาไทยอันเป็นภาษาแม่ของเราให้ดีนะคะ อย่าหลงใหล จนหลงลืมรากเหง้าของตัวเองนะคะทุกคน ^^

จบท้ายเอ็นทรี่นี้ด้วย
บ่น [03] การบ้านที่ต้องส่ง ภายในวันที่ 27 มกราคม -31 มกราคม 2551 (สัปดาห์นี้)
- พรีเซนต์โรงเรียน อ.เบรนท์ สำหรับกลุ่มที่เหลือ (กลุ่มเจ้าของบล็อคก็เตรียมขึ้นเขียงพรุ่งนี้ค่ะ T_T)
- โครงงาน + การบ้านโจทย์ปัญหาวิชาคณิตประยุกต์
- ข่าวอ.สุขุมาลย์ (ส่งรายสัปดาห์อยู่แล้วนี่เนาะ)
- แผ่นพับเรื่องโรคเกี่ยวกับการรักษาดุลยภาพของร่างกายวิชาชีวะ
- รายงานเล่มวิชาดนตรีสากล เรื่องคอนเสิร์ตห้อง (สำหรับบางคนที่ได้รับมอบหมาย)
- โจทย์คณิต 5 ข้อ ส่งที่แทนคุง

งานอื่นๆที่อาจจะต้องส่งในอนาคต
- ใบวิ่ง (เจ้าของบล็อคยังไม่ได้ทำเลย)
- Mind Map ฟิสิกส์ (อันนี้ก็ยังไม่ได้ทำ ตายห่า...)

ขอจบเอ็นทรี่นี้แต่เพียงเท่านี้แล้วค่ะ
อัพคราวหน้ามีอะไรสนุกๆจะให้อ่านกัน (แต่ไม่รู้จะมีคนมาอ่านรึเปล่า) เจอกันสัปดาห์หน้า ต้นเดือนกุมภานะคะ

สวัสดีค่ะ !



วันจันทร์ที่ ๒๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๑

[03] BALLOONS of Dreams

อื่ม... ปกติไม่เคยมาอัพบล็อคบ่อยเท่าไหร่ (เพราะขี้เกียจ เหอๆ)
แต่ช่วงนี้ได้งานทำบล็อค (ก็ได้กันทุกคนล่ะเนาะ) ก็เลยต้องทำ ฟังดูเหมือนบังคับเลย ฮ่าๆๆ
อันที่จริง ทำบล็อคก็สนุกดีนะ ^^ แล้วก็ได้โอกาสอัพบล็อคทั้งที่ Blogger แล้วก็ที่ Exteen ด้วย ถือเป็นการกระตุ้นให้ได้อัพบล็อคไปในตัวด้วย

สำหรับที่ Exteen ต่อจากนี้ไป เรียวอาจจะใช้คำว่า 'เจ้าของบล็อค' แทนตัวเรียวบ่อยขึ้นนะคะ เพราะอัพสองที่แต่เนื้อหาเดียวกัน
(ไม่ค่อยจะมักง่ายเท่าไหร่เลยให้ตายถ่อยย~)

เอ็นทรี่นี้ เนื้อหาที่จะนำเสนออาจจะไม่ค่อยมีสาระมากขนาดเอ็นทรี่ที่แล้ว (สาระปนติงต๊องน่ะสิ)
แต่ก็ไม่ใช่เรื่องหลั่นล้าน่าสบายใจอะไรหรอกค่ะ เหมือนจะเป็นเรื่องที่เจ้าของบล็อคคิดๆ มานานแล้ว กะว่าจะอัพตั้งนานแล้ว(วันเด็กนู่นแหละ) แต่ก็ไม่ได้อัพ...เพราะขี้เกียจ ! แหะๆ ^^

.


.



.

เรื่องนี้อยู่ในหัวเจ้าของบล็อคมานานแล้วค่ะ (อาจจะตั้งแต่พฤษภาปีที่แล้ว ตอนขึ้นม.4 ใหม่ๆเลยล่ะมั้ง ?)
ไม่รู้ว่าเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ป้าๆ(ฮ่าๆ) เคยคิดเหมือนเจ้าของบล็อครึเปล่า ?


เจ้าของบล็อคตอนนี้อายุ 16 แล้ว
ไม่รู้ว่าสำหรับคนอื่น จะถือว่า 'ยังเด็ก' อยู่รึเปล่า (อาจจะเป็น 'ป้าแก่' สำหรับบางคนแล้วก็ได้ เอิ๊กก~)
เอาล่ะ ถึงจะไม่เด็กเท่าไหร่แล้ว แต่เจ้าของบล็อคก็ขอทึกทักว่าตัวเอง 'เด็ก' ซักวันนะคะ xD
แม่ของเจ้าของบล็อคเคยชอบพูดล้ออยู่บ่อยๆว่า 'โตเป็นสาวแล้วนะ' ซึ่งเจ้าของบล็อคไม่ชอบเอาซะเลย
(โดยเฉพาะไอ้คำว่า 'สาว' เนี่ย ไม่รู้เป็นอะไร แอนตี้มันจริงๆเลยค่ะ ทั้งๆที่ใช้คำนำหน้าว่า 'นางสาว' แล้วแท้ๆ)
อาจเป็นเพราะเจ้าของบล็อคยังยึดติดอยู่กับความเป็น 'เด็ก' อยู่ (แอ๊บแบ๊ว !? .....ไม่ใช่หรอก =_=)
และอาจจะเป็นเพราะเจ้าของบล็อค ชอบคำว่า 'ความเป็นเด็ก' มากๆ ก็เลยรู้สึกไม่ดีกับ 'ความเป็นผู้ใหญ่' ในบางครั้ง

และก็....ช่วงนี้ เจ้าของบล็อคยิ่งรักและรู้สึกเศร้าใจให้กับ 'ความเป็นเด็ก' นี้มากขึ้นทุกทีๆแล้วล่ะค่ะ....

.


.


.


รู้สึกบ้างหรือเปล่า ? ....ว่าเราไม่สามารถวิ่งเล่น ทำอะไรสนุกๆไปในทั้งวันหนึ่งเหมือนแต่ก่อน ?
รู้สึกบ้างหรือเปล่า ? ....ว่าคำว่า 'ชีวิตนี้ขอให้ใช้ชีวิตอย่างสนุกและมีความสุขก็พอ' มันเริ่มจะดูไม่เข้าท่าสำหรับคนอย่างเราๆ ?
รู้สึกบ้างหรือเปล่า ? ....ว่า 'ความเป็นเด็ก' ของเรา กำลังเลือนหายไป ...ทีละนิด ?

เจ้าของบล็อคตอนนี้อยู่ม.ปลายแล้ว
ต้องคิดถึงวันพรุ่งนี้ให้มากขึ้น
ต้องวางแผนอนาคตให้มากขึ้น

สายตาของนักเรียนม.ปลาย จำต้องจับจ้องไปที่ 'อนาคต' ให้มากกว่าที่จับจ้องอยู่แต่ที่ 'อดีต' และ 'ปัจจุบัน'

....ไม่สิ ...ไม่ใช่แค่นักเรียนม.ปลายอย่างเจ้าของบล็อคเท่านั้นหรอกค่ะ

หลายๆคน ที่อายุน้อยกว่าเจ้าของบล็อคเดี๋ยวนี้เขาเป็นยิ่งกว่าเจ้าของบล็อคอีกด้วยซ้ำล่ะมั้ง
'จะมามัวเล่นสนุกไม่ได้แล้วล่ะ ต้องเรียน ต้องทำงานมากๆ เพื่อวันพรุ่งนี้'
หลายคนเลยนะ ที่ยังไม่ได้ใช้คำนำหน้าชื่อว่า 'นางสาว' หรือ 'นาย' ก็ต้องจริงจังกับชีวิตมากขึ้น

อาจจะมีคนพูดว่า 'เป็นเด็ก อย่าไปคิดอะไรให้มันมาก ขอแค่ใช้ชีวิตสนุกๆสมวัยเท่านั้นก็พอ'
แต่บางทีสำหรับพวกเราในทุกวันนี้.... อาจจะไม่พอแล้วก็ได้นะคะ....

ทำไม ?

อาจเป็นเพราะ....เราไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว
เราไม่ได้มีชีวิตอยู่เพื่อตัวเราเองคนเดียว
แต่ก็มีชีวิตอยู่เพื่อพ่อแม่ พี่น้อง ญาติๆ และอีกหลายๆคน
บางคนอาจจะคิดว่านี่เหมือนเป็นการสำคัญตัวเองผิดอยู่บ้าง
แต่บางคน อย่าง พ่อกับแม่เนี่ย เขาเลี้ยงเรามานาน
แล้วเราก็เป็นความหวังของเขาในอนาคต
ที่จะมีเงินพออยู่พอกิน ไม่อดอยาก มีความสุข


เพราะอย่างนั้น... เราถึงต้องเล่นสนุกให้น้อยลง
เพราะอย่างนั้น... เราถึงต้องคิดถึงวันพรุ่งนี้ให้มากขึ้น

และ...เพราะเช่นนี้... บางครั้ง เราจึงต้องละทิ้ง 'ความเป็นเด็ก' ไป

เจ้าของบล็อคคิดถึงเรื่องนี้อยู่บ่อยๆ และบางครั้ง พอลองมองย้อนกลับไปในอดีต แล้วพิจารณาการกระทำทุกๆอย่างของตัวเองจนมาถึงทุกวันนี้
มันรู้สึก 'เศร้า' อย่างบอกไม่ถูกเลยล่ะค่ะ
ผู้อ่านอาจจะมองว่าเจ้าของบล็อคนี่บ้า เซนส์ซิทีฟชะมัดยาด
แต่ก็นะ... เจ้าของบล็อคคิดว่าตัวเองพยายามเพื่ออนาคตอยู่พอสมควร (ถึงจะไม่มากเท่าอีกหลายๆคนก็เถอะนะ)
แล้วพอนึกว่า พรุ่งนี้ต้องกลายเป็นผู้ใหญ่
พรุ่งนี้ต้องจริงจังให้มากกว่านี้
และพรุ่งนี้ หรือในอนาคตอันไม่ใกล้ไม่ไกลนี้.... เจ้าของบล็อคอาจจะไม่มีโอกาสกลับไปเป็น 'เด็ก' อีกต่อไปแล้ว

มันก็ 'เศร้า' จริงๆนะ

เสียดายในบางครั้ง.... ที่ทำตัวไร้สาระ ไม่ค่อยมีความสุขกับชีวิตเท่าที่ควร
เสียดายจริงๆ.... ที่บางครั้งไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองมีความสุขเท่าที่ควรจะเป็น
ไม่ใช่ว่าไม่พอใจกับชีวิตทุกวันนี้หรอกนะคะ
ทุกวันนี้เจ้าของบล็อคมีความเป็นอยู่ดี(และดีมากในความคิดของเจ้าของบล็อค)เลยล่ะ
เจ้าของบล็อคมีครอบครัวที่อบอุ่น มีเพื่อนๆที่น่ารัก มีสังคมที่ดี และก็มีความฝันที่ทำให้เจ้าของบล็อคอดยิ้มไม่ได้พอได้นึกถึงมันทุกๆครั้ง

แต่ก็แค่บางครั้งเท่านั้นแหละค่ะ .....ที่รู้สึก เสียดาย และก็เสียใจ กับช่วงชีวิตที่ผ่านไปแล้ว แต่เราไม่ได้ใช้มันอย่างคุ้มค่า หรือ เต็มที่







เหมือนจะบ่นเลยเนาะ = =
เอาเถอะ ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว ช่วยอ่านต่ออีกหน่อย ใกล้จะจบแล้วล่ะค่ะ
กะว่าจะพูดถึงเพลงที่เอามาลงในบล็อควันนี้
(แคสศรีคงไม่ต้องบอกว่าเป็นเพลงอะไร)
เคยเอาไปลงในบล็อกเอ็กซ์ทีนครั้งหนึ่งปีที่แล้ว(ในเวอร์ชั่นปกติ)
แต่คราวนี้ขุดเจอเวอร์ชั่นเปียโนใน Imeem ก็ขอใช้เวอร์ชั่นนี้แล้วกัน (เสียงเปียโนเพราะมากมาย~ อ๊างง)

เพลงนี้เขาพูดถึง 'ความเป็นเด็ก' 'ความเป็นผู้ใหญ่' แล้วก็ 'ความฝัน' ค่ะ
ตรงประเด็นทุกอย่างในเอ็นทรี่วันนี้เลยล่ะ
ไม่รู้เป็นไร แต่นี่เป็นหนึ่งในเพลงเร็วที่ทำให้เจ้าของบล็อคร้องไห้ได้เลยนะ (เซนส์ซิทีฟเอ๊ย !!) อะไรเล่า ก็มันเศร้านี่นา

ลิ้งค์เพลงค่ะ

http://profile.imeem.com/ld-mrf1/music/cQJztcor/balloons_piano_version/

(ในบล็อกเกอร์ทำไมเอาโค้ดเพลงมาลงไม่ได้เนี่ย = =)


ฝันของฉันเมื่อยังเล็ก คือการปล่อยลูกโป่งสีแดง ปล่อยออกไปให้ผินบินสูงสู่ฟ้า
แล้วเวลาก็ผ่านพ้น พร้อมกับวัยเยาว์ที่สูญไป และความฝันเมื่อนั้นก็พลันจางหาย

แต่เมื่อใดที่ฉันเศร้าใจ ฉันก็ยังอยาก เล่นซนเหมือนที่เคยเป็น
เก็บเอาความฝันแสนสวยเอามาร้อยแล้วค่อยพุ่งทะยานไป

ทุกครั้งที่ได้มองฟ้า ก็ร้องไห้ออกมาทุกที เพราะทำไมตัวฉันก็ไม่เคยรู้
แล้วเวลาก็ผ่านพ้น พอได้กลายมาเป็นผู้ใหญ่ ทำไมเราจึงหลงลืมฝันวันเยาว์

ที่รู้มีเพียงเสียงในใจ หวังได้โบยบิน ขึ้นไปบนฟ้ากว้างใหญ่
ความทรงจำแสนสวยครั้งเมื่อตอนนั้น ก็พลันหวนกลับคืนมา

เมื่อเวลาผ่านพ้นไป ไม่รู้ลืมได้ไง
วอนเจ้าลูกโป่งแดง ถักทอความฝันให้ฉัน

ยังคงหวนคำนึง ถึงเมื่อครั้งยังเยาว์ ฝันจะปล่อยลูกโป่ง ให้ออกโบยบิน สูงขึ้นไปบนฟ้ากว้างไกล
ครั้นเจ้าลูกโป่งแดง สูงขึ้นไปเสียดฟ้า ใจฉันแสนเริงร่า ความทรงจำที่ฝันถึงมันก็หวนกลับมา



(เคยลงไว้ครั้งนึงแล้ว ลงอีกทีไม่เสียหายใช่ไหมคะเนี่ย ?)
.

.

ขอให้ทุกคนโชคดีค่ะ แล้วอย่าหลงลืม 'เด็ก' คนหนึ่งที่อยู่ในส่วนลึกของจิตใจคุณมาตลอดคนนั้นนะคะ ^^
สวัสดีค่ะ



---------------------------------------

วันศุกร์ที่ ๑๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๑

[02] Phobia-Mania :: อย่าปล่อยให้ความกลัวมาครอบงำความคิด !!

สวัสดี (อีกที) ค่ะ

ไม่น่าเชื่อว่าวันนี้เจ้าของบล็อคจะย้อนกลับมาอัพบล็อคแห่งนี้อีกครั้งได้ (เพราะปกติชอบดองบล็อคมากถึงมากที่สุดเลย 55+)
แล้วก็ไหนๆก็มาอัพบล็อคทั้งที เลยกะว่าจะเอาเรื่องที่มีสาระมาลงบ้างน่ะค่ะ ลงเรื่องไร้สาระมากเดี๋ยวคนอ่านไอคิวลดตามคนเขียน ฮ่าๆๆ


เรื่องมีสาระของเราวันนี้ขอนำเสนอเรื่องนี้เลย
ความกลัว
(Phobia)

โอว พระเจ้า โผล่มาก็เรื่องความกลัวเลย อย่าเพิ่งหลับกันนะคะ อ่านๆกันไปเรื่อยๆแล้วเดี๋ยวจะมีอะไรน่าสนใจมาให้ดูกัน

คำว่า Phobia มีรากศัพท์มาจากภาษากรีกที่แปลว่า ความกลัว ค่ะ
แน่นอน ไอ้คำว่า Phobia โดยทั่วไปย่อมหมายถึงความกลัวอย่างรุนแรงของบุคคลหนึ่งๆต่อสถานการณ์ สิ่งของ กิจกรรม หรือบุคคลบางประเภท ผู้ที่มี Phobia ทั้งหลายเหล่านี้จะมีอาการต้องการที่จะหลีกเลี่ยงสิ่งที่เขากลัวให้ได้มากที่สุดอย่างไม่มีสาเหตุค่ะ (กลัวทำไมไม่รู้ ขอตูโกยก่อน ว่างั้นแหละค่ะ) ซึ่ง Phobia ที่มีในโลกของเราจะแบ่งออกเป็น

- Phobia ที่เกิดจากความผิดปกติทางจิตใจ
- Phobia ที่เกิดจากความกลัวสัตว์ชนิดต่างๆ (Zoophobia)
- Phobia ที่เกิดจากสารเคมี
- Phobia ที่เกิดจากอคติ ความไม่ชอบอย่างรุนแรง (จะว่าไปก็คล้ายๆประเภทแรกเนาะ)

สำหรับวิธีรักษา ความกลัว จำพวกนี้ แพทย์บางคนเขาก็ใช้ระบบภาพเสมือนจริง (Virtual Reality) ส่งผู้ป่วยเข้าไปอยู่ในสถานการ์ที่ถูกสร้างขึ้นให้เข้าได้ปะทะกับสิ่งที่เขากลัวโดยตรง เพื่อให้เขาได้ทำความเข้าใจกับมันแล้วลดความกลัวลงค่ะ
(สมมุติว่ามีผู้ป่วยคนหนึ่งเป็นโรคกลัวพื้นที่กว้างและการออกสู่โลกภายนอก แพทย์เขาก็จะจำลองสถานการณ์ขึ้นมาให้ผู้ป่วยคนนั้นไปอยู่ในที่โล่งแจ้ง อะไรทำนองนี้ค่ะ แต่ก็นะ เขาก็จะป้องกันไม่ให้สถานการณ์ที่จำลองขึ้นนี้ส่งผลให้ผู้ป่วยอาการกำเริบ กลัวจนช็อคแน่นอนค่ะ) นอกจากนี้ ก็ยังมีวิธีรักษาด้วยการใช้ยาระงับความซึมเศร้าเข้าช่วยด้วย

เอาล่ะ รู้จักประเภทและวิธีรักษาเบื้องต้นของ Phobia แล้ว วันนี้เจ้าของบล็อคขอนำเสนอ Phobia แปลกๆ ที่บางคนอาจจะพูดว่า 'เฮ้ย ไอ้ความกลัวแบบนี้มีด้วยเหรอ ?' มาฝากกันค่ะ ไปดูกันๆ

Androphobia - โรคกลัวผู้ชาย (โอ้ ถ้าผู้ชายเป็นโรคนี้จะเป็นยังไงเนี่ย ?)
Autophobia - โรคกลัวการอยู่คนเดียว (ขาดความอบอุ่นนี่เอง)
coulrophobia - โรคกลัวตัวตลก (อู้วว....)
Dentalphobia - โรคกลัวหมอฟันและอุปกรณ์ทำฟัน
Erotophobia - โรคกลัวการมีเพศสัมพันธ์ (บางทีคนเราน่าจะเป็นโรคนี้กันเยอะๆนะ จะได้ไม่ท้องก่อนแต่งไง .....ล้อเล่นจ้ะ)
Gephyrophobia - โรคกลัวสะพาน (o_0)
Glossophobia - โรคกลัวการพูดในที่สาธารณะ
Lalophobia - โรคกลัวการพูด (พระเจ้า.... หนักกว่าข้างบนอีกนะเนี่ย)
Necrophobia - โรคกลัวความตาย (อันนี้เจ้าของบล็อคก็กลัวจ้า)
Gymnophobia - โรคกลัวภาพเปลือย (โอ้ เด็กดีนะเนี่ย... ว่าแต่ เวลาอาบน้ำจะทำไงล่ะจอร์จ !!??)
Paraskavedekatriaphobia (ชื่อยาวจัง) - โรคกลัววันศุกร์ที่ 13 (อันนี้น่าสนใจนะ)
Panphobia - โรคกลัวครอบจักรวาล กลัวทุกอย่างแม้ว่าจะไม่รู้ว่ากลัวไปทำไม (น่ากลัว..)
Ephebiphobia - โรคกลัวความอ่อนวัย (อ่า... ชอบคนแก่ว่างั้นสิ)
Xenophobia - โรคกลัวชาวต่างชาติ (พวกเรามักจะเป็นกันเวลาเจอฝรั่งใช่ไหมเอ่ย ?)

และตบท้ายด้วย Phobia ที่ไม่มีจริง แต่คนแต่งขึ้นมา และมันก็แปลกพอควรน่ะนะคะ

Aibophobia - โรคกลัวพาลินโดรม (คำที่เขียนจากหลังไปหน้าก็ยังอ่านเหมือนเดิม เช่น 101 เขียนจากหลังไปหน้าก็ยังอ่านว่า 101 ค่ะ)
**ข้อสังเกต - คำว่า Aibophobia จริงๆ มันก็เป็นพาลินโดรมเหมือนกันนะ ฮ่าๆๆ

Anatidaephobia - โรคกลัวว่า ณ ที่ใดที่หนึ่ง จะมีเป็ดตัวหนึ่งเฝ้ามองคุณอยู่ตลอดเวลา (กร๊ากกกก น่ากลัว)
Arachnophobiaphobia - โรคกลัวคนที่เป็นโรคกลัวแมงมุมค่ะ (กลัวต่อกันมาเป็นทอดๆสินะ = =)
Hippopotomonstrosesquipedaliophobia (ยาวกว่าโรคศุกร์ 13 อีกครับพี่น้อง) - โรคกลัวคำยาวๆ
**ข้อสังเกต - Hippopotomonstrosesquipedaliophobia เองก็เป็นคำที่ยาวมากๆเลยเนาะ = =

และสุดท้าย

Phobophobia - โรคกลัวความกลัว

เอิ่ม.....หา ???











เล่นเอา WTF กันเลยทีเดียวค่ะพี่น้อง
ก็หมดแล้วเนาะ สำหรับเอ็นทรี่วันนี้
หวังว่าเพื่อนๆคงไม่เป็นโรคดังกล่าวข้างบนหรอกนะคะ
ถ้าเป็น ก็ขอให้รักษาให้หายเร็วๆก็แล้วกัน

สำหรับวันนี้ สวัสดีค่ะ ^^

(ที่มา -- http://en.wikipedia.org/wiki/Phobia
-- http://en.wikipedia.org/wiki/-phobia#Psychological_conditions)

วันพฤหัสบดีที่ ๑๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๑

[01] บ่นเปิดบล็อค

อืม ก่อนอื่นจะต้องพูดว่าอะไรดีล่ะ ?

.

.


.

สวัสดี !
(จะต้องพูดแบบนี้สินะ อืม อืม...)

ยินดีต้อนรับสหาย ครูอาจารย์ และเหล่านักท่องเน็ตผู้หลงเข้ามาในบล็อกสป็อตแห่งนี้ (น่าสงสารจริงๆ T_T)
ก็อย่างที่จั่วไว้หัวบล็อคนั่นแหละจ้ะ ที่นี่ Yeohaenggi.blogspot.com จ้ะ
ที่ๆท่านจะได้พบกับคำบ่น บันทึกที่ไม่ค่อยจะมีสาระของเจ้าของบล็อคน่ะนะ
ส่วนเจ้าของบล็อคเป็นใครน่ะ อยากรู้เหรอ ?.......

ก็ไปอ่านที่ข้อมูลทางขวามือเอาแล้วกันนะจ๊ะ แนะนำตัวจบแล้ว ฮ่าๆๆ
(แนะนำตัวได้ไร้ศิลป์มากเลย โฮะๆๆ)

เอาเถอะ มาเปิดบล็อคที่นี่ เฮ่อ.... ไม่อยากจะพูดเล้ย
ไม่อยากจะยอมรับเลยว่า มันก็น่าใช้เหมือนกันนะ 555+
เพราะว่าทำบล็อคที่อื่นด้วย ตอนแรกก็เลยค่อนข้างจะแอนตี้เหมือนกันว่า เฮ้ย ไอ้เว็บนี้มันจะเก๋าเท่าของเก่าเราเหรอ ?
และสรุปว่ามันก็น่าสนใจพอใช้ได้ ฮ่าๆๆ

ตอนนี้เที่ยงคืนกว่าๆแล้ว แล้วก็ไม่รู้ว่าเว็บนี้เกลียดคอมที่หอของเรามากขนาดนั้นเลยหรือเปล่า เวลาจะอัพ จะแก้ จะแต่งบล็อคทีไร หลับไปหนึ่งตื่นก่อนทุกทีกว่าจะโหลดเสร็จ (เอ๊ะ หรือจะเป็นเพราะเน็ตที่หอเองก็ไม่รู้ ? แย่จัง แย่จัง.....)
ก็คงยังไม่ขออัพอะไรมากนะจ๊ะ เพราะว่าตอนนี้เจ้าของบล็อคง่วงมาก มากก แล้วก็พรุ่งนี้ก็ต้องไปโรงเรียน (เฮ่อ...) กลัวจะตื่นสายอีก เพราะช่วงนี้ตื่นสายบ่อยมาก แย่ที่สุดเลยเน้ =*= บล็อคก็ยังไม่ค่อยเข้าที่เข้าทาง ไว้วันหลังจะมาปรับใหม่นะจ๊ะ

ง่วงแล้ว ราตรี...เอ๊ย ไม่สิ ต้องอรุณสวัสดิ์แล้วสิเนาะ

อรุณสวัสดิ์ค่ะ แล้วเจอกันเอ็นทรี่หน้านะคะ ^^